เปิดประสบการณ์โลกใต้น้ำ กับ DiveDD Salaya
DiveDD Salaya
โลกใต้ทะเล หากจะว่าไปแล้วก็เป็นโลกที่มีขนาดใหญ่มากๆ ครอบคลุมพื้นที่ 3 ใน 4 ส่วนของโลกใบนี้เลยทีเดียว สิ่งมีชีวิตมากมายหลายหลาก ซึ่งมีตั้งแต่ขนาดเล็กที่สุด ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่สุดในโลกต่างก็อาศัยอยู่ภายใต้ห้วงมหาสมุทรสีครามแห่งนี้ อย่างที่ทราบกันดีว่า ชีวิตใต้ทะเลนั้นเต็มไปด้วยสีสันอันตระการตาและมีหลากหลายชีวิตที่น่าอัศจรรย์อย่างที่สุด ซึ่งในทริปนี้ ทางตากล้องท่องเที่ยว ขอแชร์ประสบการณ์บางส่วนที่ได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง มาเล่าให้เพื่อนๆฟัง การดำน้ำครั้งแรกของเราจะเป็นอย่างไร ตื่นเต้นแค่ไหน และจะเป็นที่ใด…ไปดูกันเลย ^^
DiveDD Salaya คือทูตสัมพันธไมตรีจากโลกมนุษย์ เป็นผู้ที่จะพาเราไปรู้จักและเยี่ยมชมโลกใต้น้ำในครั้งนี้…แล้ว DiveDD Salaya คืออะไร???… คำตอบก็คือโรงเรียนสอนดำน้ำที่มีชื่อเสียงและมากด้วยประสบการณ์ โดยมี ครูป้อม หรือ นิวัช รุ่งเรืองกนกกุล ครูผู้สอนดำน้ำและเป็นคนที่จะพาเราไปรู้จักกับโลกใต้น้ำในครั้งนี้
เรียนรู้-ลงมือทำ
ก่อนที่เราจะลงไปสัมผัสโลกใต้น้ำ สิ่งแรกที่จะต้องทราบก็คือวิธีการดำน้ำในแบบต่างๆ ซึ่งมีทั้งหลักทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ที่จะทำให้เราอยู่ในโลกใต้น้ำอย่างเพลิดเพลินและปลอดภัย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 59 ผมมีนัดเรียนดำน้ำกับครูป้อม ที่ DiveDD ซึ่งตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา โดยที่นี่ มีสระว่ายน้ำที่มีความลึกอยู่หลายระดับ แบ่งเป็น 3 สระด้วยกัน คือ ระดับความลึกที่ 1.5 เมตร, 1.8 เมตร และ 5 เมตร อุปกรณ์ครูมีให้ยืมหรือจะหาไปเองก็ได้ ที่สำคัญชุดดำน้ำต้องเอาไปเองนะจ๊ะ^^
การเรียนกับครูป้อม เป็นการเรียนที่สนุกสนานและกันเอง แต่อัดแน่นไปด้วยมีสาระความรู้มากๆ ครูป้อมเป็นครูสอนดำน้ำที่อารมณ์ขันที่สุดในโลกเท่าที่ผมเคยรู้จักมาเลย (ก็รู้จักครูสอนดำน้ำอยู่คนเดียวนี่แหละ ^+++^ ) ซึ่งวันนี้เราจะเรียนกันทั้งแบบ Snorkeling และ SCUBA มาดูภาพบรรยากาศการเรียนการสอนกันเลยดีกว่า
บางช่วงบางตอนของทฤษฎี
ทฤษฏี Buoyancy Control คือ
น้ำหนักของเราที่มี น้ำหนักในน้ำเท่ากับ
น้ำหนักของเราลบด้วยน้ำหนักของปริมาตรของเรา = น้ำหนักของเราในน้ำ
เรามีปอดที่มีอากาศ มีแรงยกให้เราลอยได้
เมื่อมีอากาศในปอดเยอะๆ
และจะจมลงได้เมื่อเราหายใจออก
การที่เรามี น้ำหนักตัวเราเท่ากับ น้ำหนักของน้ำ
เราเรียกว่า Nutral Boyency
การเรียน SNORKELING หรือ SKIN DIVING (การดำน้ำตื้นหรือผิวน้ำ)
การดำน้ำ สิ่งที่เราจะต้องปรับตัวอย่างแรกก็คือการหายใจ ซึ่งการหายใจนั้น จะหายใจเข้า-ออก ทางปากอย่างเดียวผ่านท่ออากาศที่โผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ ถ้าหายเข้าทางปากและออกทางจมูก จะเป็นการไล่น้ำออกจากหน้ากาก เช่นเมื่อเกิดฝ้าภายในหน้ากาก เมื่ออยู่ใต้น้ำ เราจะมองภาพไม่ค่อยชัด อดเห็นปลาสวยๆ และประการังงามๆเป็นแน่แท้ และจะได้ไม่ต้องเสียเวลาลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำเพื่อล้างฝ้าออก เพราะฉะนั้นเราจะต้องเรียนรู้วิธีการเพื่อเคลียร์ฝ้าออกเมื่ออยู่ใต้น้ำ โดยการแง้มหน้ากากด้านบนออกนิดหน่อย ปล่อยน้ำให้ไหลผ่านบริเวณกระจกด้านหน้าพอประมาณ หลังจากนั้นปิดหน้ากากลง และทำการหายใจออกจากจมูกแรงๆ เพื่อให้แรงดันอากาศไล่น้ำออกไป เท่านี้หน้ากากของเราจะใสปิ้ง วิ้งๆเลย เทคนิคนี้กว่าจะคล่อง เล่นเอาแสบตาจากคลอรีนในน้ำเหมือนกันนะ @[email protected]

เรียนรู้วิธีการเคลียร์ฝ้าและการไล่น้ำออกจากหน้ากากเมื่ออยู่ใต้น้ำ

Snorkeling-การลอยตัวบนผิวน้ำ

เรียนรู้วิธีการดำลงไปใต้น้ำแบบ Snorkeling ซึ่งในตอนนี้ผมได้เรียนรู้เทคนิคที่มีชื่อว่า “การเป่ากบ”
จริงๆมันคือเทคนิคการเป่าน้ำออกจากท่ออากาศ ครูบอกว่าให้เป่าน้ำออกแรงๆสั้นๆเหมือนการเล่นเป่ากบ ผมนี่นึกภาพออกทันทีเลย โชคดีมากที่ตอนเด็ก เคยเล่นเป่ากบ 555+

สระตื้น 1.5 เมตร

สระน้ำระดับ 1.8 เมตร

สระลึก 5 เมตร
การเรียน SCUBA (ดำน้ำลึก)
ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป อย่าใจร้อนครับ ^-^
เรียน SCUBA ในสระน้ำระดับ 1.8 เมตร

ฝึกการลอยตัวในน้ำ…เมื่อใดก็ตามที่เราลอยตัวในน้ำได้อย่างอิสระไม่ต่างจากปลา คุณจะมีความสุขในการดำน้ำเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว ไม่งั้นแล้วคุณอาจจะโดนถ่วงติดกับพื้นทรายอยู่ด้านล่าง ไม่ต่างอะไรกับปลาลิ้นหมาในทะเลเป็นแน่แท้ จริงๆนะ ^+++^
หลักสูตรนี้เราเรียนทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติในสระน้ำกันสองวัน โดยนักเรียนทุกคนทำได้ดี เข้าใจและสามารถดำน้ำได้เบื้องอย่างถูกต้องไม่มีปัญหาใดๆ แถมยังสนุกมากๆ เพราะครูผู้สอนสอดแทรกความรู้ผ่านอารมณ์ขัน และมีประสบการณ์ในการสอนมานานหลายปี สามารถอธิบายสิ่งต่างๆให้เราเข้าใจได้โดยง่าย หลังจากนี้สำรับคนที่ต้องการขอใบรับรองสำหรับการดำน้ำ (OPEN WATER DIVES) จะต้องออกภาคสนามเพื่อดำน้ำจริงอีก 2 วัน ให้ครบ 4 Dives ตามหลักเกณฑ์มาตรฐาน
ในการเรียนดำน้ำในครั้งนี้ผมขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดวิธีการดำน้ำในแบบต่างๆนะครับ ซึ่งถ้าหากใครสนใจอยากไปสัมผัสประสบการณ์โลกใต้น้ำจริงๆซักครั้งในชีวิต สามารถติดต่อสอบถามกับครูป้อมเบื้องต้นก่อนได้เลยนะครับ ครูใจดีมากๆ สำหรับข้อมูลการติดต่อผมจะลงไว้ในท้ายรีวิวนี้ครับ
เดินทางตามความฝัน สู่แดนสวรรค์ของนักดำน้ำ
เย็นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 59 หลังเลิกจากงานประจำ ผมออกเดินทางไปที่สนามบินสวรรณภูมิ โดยจุดหมายปลายทางของเราในทริปนี้คือ หมูเกาะสิมิลัน จังหวัด พังงา

ใช้บริการ รถไฟฟ้า Airport Link สะดวกสบาย วิ่งตรงเข้าสนามบินสุวรรณภูมิเลย
ทริปนี้ เราใช้บริการของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ ทั้งขาไปและขากลับ ทางตากล้องท่องเที่ยว ต้องขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้วระหว่างรอขึ้นเครื่อง ทางบางกอกแอร์เวย์จะมีห้องรับรองพิเศษสำหรับผู้โดยสาร (Boutique Lounge) ไว้คอยต้อนรับลูกค้าด้วยนะ เลิกงานยังไม่ได้ทานอะไร รู้สึกหิวๆอยู่พอดี สบายท้องละงานนี้ ของกินฟรีเพียบ!

มีของว่างให้ทานมากมาย วันนี้มีโอกาสได้ลองของขึ้นชื่อนั่นก็คือ ข้าวต้มมัด อรอ่ยสมใจไปเลย ณ จุดนี้ อิอิ

ในนี้จะมีคอมพิวเตอร์และมีอินเตอร์เน็ตไร้สาย สำหรับให้บริการฟรีด้วยนะ ซึ่งขอรหัสจากพนักงานที่เค้าเตอร์ด้านหน้าได้เลยครับ
ห้าทุ่มกว่าได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว แต่มีเหตุให้ไฟลท์นี้ล่าช้านานพอสมควร เนื่องจากทราฟฟิกที่สุวรรณภูมิแห่งนี้ค่อนข้างหนาแน่นเป็นประจำอยู่แล้ว…งานนี้ผมมีหลับกลางอากาศชัวส์ อิอิ (ปกติขึ้นเครื่องไม่เคยหลับ)

ในที่สุดก็ได้ขึ้นเครื่องและออกเดินทางกันเสียที อาหารและการบริการบนเครื่อง OK เลยครับ ^^
ใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง 25นาที ก็เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตแล้วครับ หลังจากนั้นก็นั่งรถตู้ต่อไปยังที่พักแรกของเราในคืนนี้ที่จังหวัดพังงา โดยเราจะไปพักกันที่บริษัทอันดามันสวีทลิปส์ อยู่ที่เขาหลัก ซึ่งเป็นทั้งโรงแรมที่พักและเป็นที่เรียนดำน้ำด้วย ใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงเลยกว่าจะถึง

ถึงแล้ว….อันดามันสวีทวิปส์..ดีใจจุง จะได้หลับจริงๆละทีนี้

ห้องนอนของเราในคือนี้…ขนาดห้องค่อนข้างไปทางเล็ก แต่ในความรู้สึกส่วนตัว ก็ไม่ถือว่าแคบจนอึดอัด ภายในห้อง มี2เตียง มีห้องน้ำภายใน ของใช้พื้นฐานมีให้ครบ
เช้าวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 59 ตื่นมาพร้อมเสียงเหล่านกน้อยที่มาร้องเพลง ส่งเสียงปลุกกันแต่เช้าเลยเชียว (รีสอร์ทอยู่ชายเขา บรรยากาศเย็นสดชื่นดีมากๆ) แต่จริงๆที่ต้องตื่น คือ..หิวมาก ^+++^’

มื้อเช้าของเราในวันนี้ เมนูอินเตอร์ซะด้วย ^0^

สระว่ายน้ำสำหรับเรียนดำน้ำภายในรีสอร์ท (ชั้นบน) มีจุดที่ลึกที่สุดคือ 4.5 เมตร มีช่องกระจกสำหรับถ่ายภาพใต้น้ำจากด้านนอกสระด้วยนะ(ชั้นล่าง)
หลังจากที่ทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ช่วงสายๆ หน่อยก็ออกเดินทางไปที่ท่าเรือเพื่อนั่งสปีดโบ๊ทไปยังหมู่เกาะสิมิลัน ที่ซึ่งเราจะดำน้ำกันในทริปนี้
ขอเก็บภาพวิวสวยๆของท่าเรือก่อนออกเดินทางซะหน่อย

พร้อมออกเดินทาง..ขึ้นบนเรือแล้วก็ใส่เสื้อชูชีพป้องกันไว้ก่อน (ว่ายน้ำเก่งแค่ไหนทุกคนก็ต้องใส่นะจ๊ะ) คณะครูและเพื่อนร่วมทริปดำน้ำในครั้งนี้ ^0^
หล่อไม่มาก….ชีวิตลำบากซะส่วนใหญ่ ^+++^’
สิมิลัน แดนสวรรค์ของนักดำน้ำ
นั่งเรือฝ่าคลื่นลม โครงเคลง ล่องลอย ผ่านห้วงมหาสมุทรอันสุดเวิ้งว้าง เป็นระยะทางไกลพอสมควร กว่าจะถึงจุดหมาย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆ เป็นเหตุให้ลูกแม่น้ำโขงอย่างผม ต้องนั่งซมๆแล้วดมยา เพราะว่าเมาเรือ เกิดกับดินกับน้ำแท้ๆ แต่ต้องมาแพ้คลื่นทะเล เมาเป๋ไม่เป็นท่า ช่างน่าขันเสียจริงๆเลย ว่าไหมครับ 555+

ถึงแร้ว!!! สิมิลัน (เกาะ5-6) น้ำตาจิไหล T_T
นั่งเรือเล็ก(สปีดโบ๊ท) แล้วก็มาต่อที่เรือใหญ่ ที่มีชื่อว่า เรือโชควาสนา ที่ลอยลำรอเราอยู่แล้ว เรือลำนี้เป็นแบบ 2 ชั้น ภายในเรือจะมีห้องน้ำ มีห้องนอนอยู่หลายห้องๆ ละ2เตียง มีแอร์ ปลั๊กไฟ มีหน้าต่างสำหรับชมวิวทุกห้อง ^0^
เรือโชควาสนา เป็นเรือที่เราจะใช้สำหรับดำน้ำและจะใช้ชีวิตกันอยู่บนนี้ 2 วัน กับ1 คืน
ก่อนจะลงไปดูความสวยงามของโลกใต้น้ำ เรามาดูวิวสวยๆเบื้องบนกันก่อน ผมใช้โดรนบินเก็บภาพสวยๆ ที่สิมิลันมาฝาก ไปดูกันเลยจร้า (ช่วงที่บินถ่าย ใจก็สั่นตลอด กลัวเจ้านกเหล็กตัวน้อยของผม สู้แรงลมทะไม่ได้ จะหล่นหายจ๋อม ลงไปเล่นน้ำในทะเลเป็นเพื่อนปูปลาเหมือนกันนะ แต่ที่สุดมันก็สามารถจร้า)
มองจากบนนี้ เรือโชควาสนาเรา กลายเป็นเรือลำจิ๋วไปเรย

ถ่ายช่วงใกล้ค่ำแล้ว ลมแรงพอควร
ธรรมชาติบนเกาะยังอุดมสมบูรณ์มากๆ
น้ำใส เกาะสวย มากๆๆๆ
*บริเวณเกาะ5 และ6 ที่สิมิลันนั้นเป็นทีนิยมของนักดำน้ำและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก แต่ละวันจะมีเรือที่นำนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติมาดำน้ำดูปะการังกันที่นี่ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
ดำน้ำวันที่1 (หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม)
หลังจากเริ่มสร่างเมา(เรือ) เริ่มต้นการดำน้ำแบบเบาๆแบบ Snorkeling ชุดพร้อม อุปกรณ์พร้อม หวังว่าจะใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาเพื่อจะได้เห็นฝูงปลาใต้ทะเลว่าจะสวยงามขนาดไหน แทบอดใจรอไม่ไหว เริ่มนับถอยหลัง 3.2.1. กระโดดลงจากเรือปั๊ป แต่พอก้มลงไปเท่านั้นแหละ ผมต้องรีบตะกุยขึ้นเรือแทบจะทันที เนื่องจากว่า พอมองลงไปข้างล่างแล้ว มันเวิ้งว้าง เสียววูบวาบ รู้สึกว่ามันลึกเอามากๆ ไม่เหมือนในสระที่เราใช้เรียนเลยแม้แต่น้อย เอาแล้วสิ…ขอขึ้นไปตั้งหลักตั้งสติบนเรือก่อนละกัน
พอทำใจได้แล้ว ผมก็ลองลงไปใหม่อีกครั้งโดยมีครูพี่เลี้ยงคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ ผมก็ค่อยๆคว่ำหน้าลง แล้วลอยตัวไปบนผิวน้ำตามเพื่อนๆในกลุ่มออกไป แต่รู้สึกว่าคลื่นทะเลแรงไปนิด ไม่นิ่งเหมือนในสระน้ำเลย ทำให้ผมรู้สึกเริ่มเกร็งๆ กลัวๆ และรู้สึกเหนื่อยเพราะหายใจเร็ว และที่แย่กว่านั้นคลื่นบางระลอกสูงจนทำให้น้ำทะเลเข้ามาในท่ออากาศ ทำให้ผมสำลักน้ำทะเลไปคำใหญ่ เท่านั้นแหละ…สติแตก!! ดึงหน้ากากออกแล้วใช้การว่ายน้ำแทนการลอยตัว เริ่มเตะขาแรงๆเพื่อสู้กับคลื่นทะเล ลืมทุกสิ่งอย่างที่ครูสอน ทำให้ผมแทบหมดแรงไปเลยในตอนนั้น ครูพี่เลี้ยงบอกว่าให้เงยหน้าขึ้นและลอยตัวนิ่งๆ หายใจเอาอากาศเข้าปอดเยอะๆแล้วกักไว้ซักพักค่อยๆปล่อยออก ซึ่งพอทำตามผมก็ลอยได้โดยไม่ต้องเตะขาหรือใช้มือตีน้ำเพื่อพยุงร่างกายแต่อย่างใด….ผมหมดแรงไปกับการว่ายน้ำไปก่อนหน้านี้เยอะ เลยขอครูพี่เลี้ยงให้พาไปส่งที่เรือก่อน…และผมก็ว่ายกลับไปที่เรือในท่ากรรเชียงเบาๆ…แบบหมดท่ากลายเป็นลูกหมาตกน้ำไปเลยทีเดียว 555+ นี่เพียงแค่น้ำจิ้มเล็กน้อยที่พึ่งผ่านไป…แต่ใจผมกลับขึ้นฝั่งไปเรียบร้อยแล้ว ยังเหลือของจริงอีกที่ยังไม่ได้เริ่มเลย นั่นก็คือ SCUBA (T_T)
หลังจากที่ผมขึ้นมานั่งมองคืนอื่น ดำผุดดำว่ายเริงรมณ์ชมปลาสวยๆอยู่นั้น ผมก็เหลือบไปเห็นน้องผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งมาด้วยกันในทริปนี้…น้องนัทเป็นคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นเลยตั้งแต่เด็ก และยิ่งไปกว่านั้น น้องนัทเคยมีประวัติเกือบจมน้ำตอนเด็กๆอีกด้วย…แต่..นัทกลับดำน้ำดูปลา ถือกล้อง Gopro ถ่ายรูปใต้น้ำอย่างมีความสุขเฉยเลย..ซึ่งในขณะที่ผมนั่งมองเขาอยู่นั้น นัทเองก็ยังว่ายน้ำไม่เป็น….ผมนี่ทึ่งและรู้สึกชื่นชมในความกล้าและมีสติของเขา ทำให้เขาดำน้ำตามที่เรียนมาได้อย่างถูกต้องและไม่เป็นอันตรายใดๆ
ต้องบอกว่าน้องนัทกลายเป็นแรงบัลดาลใจของผมในทริปนี้เลยหล่ะ ทำให้ผมฮึดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากถอดใจไม่อยากดำน้ำต่อแล้ว ผมบอกกับตัวเองว่า ดูสิ…น้องว่ายน้ำไม่เป็นเลย เขายังทำได้ ผมก็ต้องทำได้เหมือนกันสิ..เอาว่ะ..สู้ว้อยยยย ซักพักได้ยินเสียงครูป้อมบอกให้เตรียมตัวไว้ เดี๋ยวลง Dive แรกกัน…เท่านั้นแหละ ใจผมถอยลงไปอยู่ตาตุ่มอีกรอบนึ่ง 555+
ไดฟ์ที่1 (Dive1)
เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงไปดำน้ำกันจริงๆแล้ว หลังจากที่ผมหาแรงบัลดาลใจและบิวท์อารมณ์ตัวเองมาพอสมควรแล้ว ก็สวมชุดและตรวจสอบอุปกรณ์สำหรับดำน้ำลึกกันเรียบร้อยแล้ว อุปกรณ์ทุอย่างโอเค ครูป้อมลงไปรออยู่ในทะเลแล้ว ผมเดินต้วมๆเตี้ยมๆ อย่างช้าๆ และทุกลักทุเล (สวมฟินหรือตีนเป็ดเดิน) มายืนอยู่ตรงท้ายเรือเพื่อที่จะกระโดด ผมเริ่มก้าวเท้าขวาออกไปยาวๆ มือขวากดหน้ากากไว้ มือซ้ายจับตัวควบคุม BCD เพื่อนๆก็ช่วยนับถอยหลังให้ เริ่ม..3.2.1……..เงียบกริบ ไม่มีน้ำกระเซ็นแม้แต่หยดเดียว…..ผมถอยกลับเข้าไปนั่งที่ม้านั่งท้ายเรือเฉยเลย 555+
ณ ขณะนั้นบอกได้เลยว่า ผมกลายเป็นคนใจปลาซิวติดเชื้อพิษสุนัขบ้าไปเลยหล่ะ กลายเป็นคนกลัวน้ำไปดื้อๆ ซะอย่างงั้น กะว่า จะกระโดดลงไปอยู่ ที สองทีแล้ว แต่ไม่กล้าโดดลงไปซักที….ขอยืนทำใจอีกแปร๊ป…จนครั้งที่ 3 กว่าจะได้ฤกษ์กระโดดลงไปจริงๆซะที…เฮ้ออ
ครูป้อมไม่รอช้ากดปุ่มปล่อยลมจาก BCD (ถุงลมที่ช่วยให้เราลอยตัวอยู่ใต้น้ำ) ส่งสัญญาณให้ลงไปใต้น้ำ และจับผมลากลงไปในน้ำทันที
ตอนนี้ผมกลัวจนตัวสั่น ครูป้อมส่งสัญญาณมือชี้ลงไปข้างล่าง ส่วนผม…ส่งสัญญาณมือชี้ขึ้นไปข้างบน อยู่อย่างนี้เป็นระยะๆ ความลึก เพระผมกลัวน้ำลึก แต่ที่สุดผมก็ยอมลงไปเพราะเชื่อใจในตัวครู
ครูป้อมคอยอยู่ข้างๆและประคองผมอยู่ตลอดเวลา และยังช่วยเตือนให้ผมเคลียร์หูอยู่ทุกช่วงระยะความลึก ทีละเมตรๆ เพื่อไม่ให้ผมเกิดอาการเจ็บหู จากแรงดันที่ไม่เท่ากัน แต่ไดฟ์นี้ผมก็ยังเจ็บหูอยู่บ้างเพราะเคลียร์หูไม่ค่อยเก่ง
ว่ากันว่า…เมื่อเราอยู่ในน้ำและเมื่อขาเราถึงพื้นแล้วความกลัวจะหายไป…อันนี้จริง ครูป้อมพาผมลงไปสัมผัสที่พื้นทรายใต้ทะเลก่อน เป็นอันดับแรกเลย ความกลัวเริ่มหายไป สติก็เริ่มเข้ามาแทนที่
ทันทีที่เริ่มตั้งสติได้และความกลัวหายไป สมองผมก็เริ่มรับรู้และสัมผัสถึงความงามภายใต้ท้องทะเล จากความกลัวกลายเป็นความชอบขึ้นมาทันที ครูป้อมชี้ให้ผมดูปลาที่แหวกว่ายอยู่รอบๆ ตัวเรา ซึ่งต้องบอกว่าช่วงที่ลงมานั้น ผมไม่ได้ชายมองพวกมันเลยแม้แต่น้อย ผมจ้องไปที่ครูป้อมอย่างเดียวเลย สำหรับไดฟ์นี้ผมยังอยู่ในความดูแลของครูป้อมแบบไม่ห่าง แทบจะไม่ปล่อยมือออกจากครูเลยหล่ะ 555+
ไดฟ์ที่2 (Dive2)
สำหรับไดฟ์นี้ เป็นไดฟ์ที่ยังกล้าๆกลัวๆ คราวนี้ผมลงไปพร้อมกับครูพี่เลี้ยงอีกท่านหนึ่ง และสามารถปล่อยมือจากครูพี่เลี้ยงได้แล้ว แต่ต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิด ยังมีปัญหาเรื่องเจ็บหูอยู่บ้าง แต่ดีขึ้นจากไดฟ์แรกเยอะ และอีกอย่างผมยังมีปัญหาเรื่องการทรงตัวและการลอยตัวใต้น้ำ การบังคับ BCD ยังไม่เก่ง ยังมีอาการแบบ เดี๋ยวลงไปติดพื้น เดี๋ยวลอยสูงขึ้นมา ทั้งที่ไม่ได้อยากลอยขึ้นมาเลย การควบคุมการลอยตัวในน้ำไดฟ์นี้ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็ยังพอตามเพื่อนฝูงไปได้จนจบไดฟ์ที่สองนี้
สำหรับประสบการณ์วันแรกในการดำน้ำของผม ช่างต่างจากที่คิดไว้เยอะพอสมควร ผมกลายเป็นคนเมาเรือ กลายเป็นคนกลัวน้ำ กลัวความลึก แต่พอตั้งสติได้ และความเชื่อใจในความสามารถและประสบการณ์ของครูผู้สอน ทำให้วันแรกของผมก็ผ่านไปได้แม้จะทุกลักทุเลก็ตาม แต่ผมก็ยังดีใจ ที่ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน วันนี้ทำให้ผมรู้ว่า….สติ สำคัญและจำเป็นในทุกๆสถานการณ์จริงๆ
หลังจากที่เหนื่อยล้าจากการดำน้ำมาตลอดทั้งวัน ทุกคนขึ้นมา แยกย้ายกันไปอาบน้ำและขึ้นมาทานข้าวร่วมกันกับครูและเพื่อนๆ บนชั้นสองของเรือ ลมทะเลพัดเย็นๆ เปิดเพลงฟังเบาๆ อาหารรสเลิศจากแม่ครัวใจดี ดินเนอร์ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นที่สิมิลัน มันช่างฟิน.. อย่างที่สุดเลยครับ ขอบอก
อรุณสวัสดิ์…สิมิลัน
เช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 59 หลังจากนอนหลับอย่างเต็มอิ่ม ซึ่งตอนแรกก็เป็นกังวลใจอยู่ไม่น้อย ว่าคืนนี้จะนอนหลับไหม เพราะไม่เคยนอนบนเรือที่โครงเคลงแบบนี้มาก่อน…แต่สุดท้ายก็หลับได้สบายๆ ไม่ต่างนอนเปลเลย ^^
เช้านี้ผมรีบตื่นมาเก็บภาพสวยๆ ของดวงตะวันที่ค่อยๆโผล่ขึ้นจากอีกฝากฝั่งหนึ่งของท้องทะเล
รุ่งอรุณและโชควาสนา
หลังจากทักทายดวงตะวันในช่วงเช้าเสร็จแล้วก็กลับมากินของว่างต่อ ช่วงสายของวันนี้หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เราจะมีดำน้ำกันอีก 2 ไดฟ์ หลังจากที่เราผ่านมาแล้ว 2ไดฟ์แรกเมื่อวาน ซึ่งความรู้สึกวันนี้ของผม ต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
ดำน้ำวันที่2 (ช่วงเวลาแห่งความสุข)
ไดฟ์ที่3 (Dive3)
วันนี้อาการเมาเรือหายไปอย่างสิ้นเชิง อากาศทุกอย่างเป็นใจ ช่วงสายๆ ได้เวลาแล้ว…เราเริ่มดำลงไปเยี่ยมชมโลกใต้น้ำกัน ซึ่งจุดดำน้ำบริเวณนี้เรียกว่า หินม้วนเดียว หรือ Anita’s Reef อยู่ระหว่างเกาะห้ากับเกาะหก บริเวณกองหินแห่งนี้ มีพื้นที่กว้างใหญ่ และที่มาของชื่อหินม้วนเดียว มาจากสมัยก่อนที่การถ่ายภาพยังใช้ฟิล์ม กว่าที่ช่างภาพใต้น้ำจะดำน้ำถ่ายไปรอบกองหินก็เพลิดเพลิน จนกระทั่งหมดฟิล์มไป 1 ม้วนพอดี ^0^
ที่หินม้วนเดียว เต็มไปด้วยกัลปังหาและปะการังอ่อน ทำให้นักดำน้ำมีโอกาสเจอสัตว์น้ำได้ หลากหลายชนิด เช่น ปลาไหลสวน ปลาสิงโต ปลากระเบน ปลาเก๋า ปลาการ์ตูน โดยแนวปะการังลาดเอียงลงไปตั้งแต่ระดับ 5 เมตร ลึกลงไปสุดจนถึงพื้นทรายประมาณ 27 เมตร และมีระยะการมองเห็นได้ชัดอยู่ที่ประมาณ 21-22 เมตร แต่หากเป็นวันที่กระแสน้ำนิ่ง ทะเลใส ก็อาจมองไปไกลได้ประมาณ 40 เมตร

วันนี้โชคดีมากๆ ดำมาเจอพระเอกแห่งท้องทะเล ตัวเป็นๆ ถ้าบนดินอาจจะมี ณเดช เป็นเพระเอกสุดหล่อ แต่ใต้ทะเลแห่งนี้ ผมว่า พี่นีโม่นี่แหละหล่อและโด่งดังอย่างที่สุดแล้ว ^^
ปลานีโม่หรือปลาการ์ตูน จะชอบอยู่ตามดอกไม้ทะเล ตัวเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ และในฝูงปลาการ์ตูนนี้จะมีตัวเมียเพียงตัวเดียว แต่เมื่อใดก็ตามที่ขาดแคลนปลาตัวเมีย ด้วยสัญชาตญาณแห่งการดำรงค์เผ่าพันธ์ ปลาตัวผู้ที่สมบูรณ์ที่สุดจะกลายเพศเป็นตัวเมียแทนซะอย่างนั้น…น่าทึ่งมากๆ
ในไดฟ์ที่3นี้ ผมสามรถควบคุมการลอยตัวในน้ำได้อย่างคล่องแคล่ว สามารถขึ้นลงได้อย่างที่ใจต้องการ รู้สึกสนุกและมีความสุขในการดูฝูงปลาใต้ทะเลเป็นอย่างมาก ดำไปได้ซักพักใหญ่ ประมาณ 40 นาที ก้มลงดูมาตรวัดปริมาณอากาศในถังใกล้จะหมดแล้ว จาก 200 Bar เหลือ 50 Bar ซึ่งจะต้องขึ้นแล้ว แต่ในใจไม่อยากจะขึ้นเลย…
การลอยตัวขึ้นมา ต้องลอยขึ้นอย่างช้าๆ และหยุดเป็นระยะๆ ความเร็วประมาณ 30-60 ฟุตต่อนาที เพื่อให้ร่างกายเราค่อยๆปรับระดับความดันในร่างกายและความดันภายนอกให้เท่าๆกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการ Decompression Sickness ซึ่งจะมีอาการตั้งแต่เบาๆ เช่น เจ็บตามข้อ แขนและขา ผิวหนังเป็นผื่นแดง ไปถึงหนักมากๆ เช่น ชา เจ็บจี๊ดๆเหมือนถูกเข็มแทง ร่างกายเป็นอัมพาตทั้งสองด้าน หมดสติและอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็เป็นได้
ไดฟ์ที่4
เป็นไดฟ์สุดท้ายที่เราจะดำนำกันในทริปนี้…มาถึงไดฟ์นี้ ผมนี่ลงก่อนเพื่อนเลย ผิดจากไดฟ์แรกที่ลงเป็นคนสุดท้าย ^+++^
ไดฟ์นี้เราลงไปที่บริเวณที่เรียนกว่า Zodiac ซึ่งจุดนี้เป็นจุดแรกที่ผมลงในไดฟ์แรก มีความลึกประมาณ 10-15 เมตร Zodiac จะเป็นลักษณะของปฏิมากรรม 12 ราศี ที่ถูกทิ้งไว้ใต้น้ำ
ครูป้อมเป็นทั้งอาจารย์เป็นทั้งช่างภาพส่วนตัวให้พวกเรา น่ารักมากๆ
พอคล่องแล้วผมเริ่มออกลีลาท่าทางเรยทีเดียว ^+++^

ปลาขี้ตังเบ็ดฟ้า (powder blue tang)
ปลากระพงเหลืองสี่เส้น
กัลปังหา ใหญ่มากๆ
ยิ้มละไม ใต้ท้องทะเล
ปลาสิงโต
ขอบคุณภาพใต้น้ำสวยๆจากครูป้อม : ไดฟ์สุดท้ายแล้วขอถ่ายภาพใต้น้ำร่วมกันเป็นที่ระลึกก่อนขึ้นซะหน่อย เพื่อนๆน้องๆที่ร่วมทริปในครั้งนี้ ต่างมีความสุขในโลกใต้น้ำแห่งนี้ และประสบการณ์อันล้ำค่าของผม และเป็นภาพที่ผมประทับใจอย่างไม่มีวันลืมเลยจริงๆ
หลังจากจบไดฟ์ที่4 แล้ว ก็ขึ้นมาอาบน้ำ เก็บสัมภาระ และทานข้าว เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก ประมาณบ่ายสองโมงก็ได้เวลาอำลาเกาะสิมิลันและเรือโชควาสนากันแล้ว แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นานนัก แต่มิตรภาพที่เกิดขึ้นบนเรือลำนี้ยังคงอยู่ในใจผมมาจนถึงทุกวันนี้
——————————————
กลับมายังอันดามันสวีทลิปส์ กว่าจะถึงก็ค่ำพอดี เช็คอิน เก็บกระเป๋า เสร็จแล้วมาสั่งอาหารเย็นทานกันที่ตรงร้านอาหารริมสระน้ำชั้นบน
ในระหว่างนี้เพื่อร่วมทริปบางคนติดใจความสนุกกับการดำน้ำอยู่ เลยมาต่อที่สระน้ำที่นี่กันอีก สุดยอดมากๆ
สำหรับวันนี้ หลังจากทานข้าวกันอิ่มแล้ว ก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง
อรุณสวัสดิ์ เขาหลัก
เช้าวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 59 หลังจากที่สองวันก่อนหน้านี้อยู่กินกันบนเรือกันมาแล้ว เช้าวันนี้มีนัดกับครูป้อมไปทานติ่มซำกันที่ร้านเล็กๆแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่พักของเรามากนัก
จัดหนักจัดเต็มกันแต่เช้าด้วยเมนูติ่มซำหลากหลายชนิด ราคาไม่แพง แถมยังมีชาร้อนรสชาติหอมกลมกล่อมให้บริการฟรีด้วยนะ
หลังจากนั้นช่วงสายๆเรานั่งรถสองแถวไปหาทานอาหารที่ริมทะเลในเขาหลักแห่งนี้ ซึ่งมีร้านอาหารตามชายหาดอยู่หลายๆร้านเลย
กินกันอย่างเอร็ดอร่อยจุใจแล้ว ก็นั่งรถไปแวะเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานสึนามิ เรือตรวจการ ต.813 และถ่ายภาพเป็นที่ระรึก
เรือตรวจการ ต.813
ประมาณเที่ยงกว่าๆก็เดินทางกลับไปที่รีสอร์ทเพื่อเช็คเอาท์เก็บสัมภาระ และร่ำลาครูป้อม ซึ่งวันนี้ครูป้อมมีภาระกิจต้องอยู่ต่อ เพราะมีลูกศิษย์จะเดินทางมาดำน้ำกับแกอยู่อีกหนึ่งกลุ่ม หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งรถตู้ออกจากเขาหลักเดินทางมาที่ท่าอากาศยานภูเก็ตเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯด้วยสายการบินของบางกอกแอร์เวย์เช่นเดิม
***สำหรับใครที่มาดำน้ำและถ้าจะเดินทางกลับด้วยเครื่องบิน จะต้องมีช่วงระยะห่าง หลังจากการดำน้ำไดฟ์สุดท้าย อย่างน้อย 24 ชั่วโมงนะครับ เพราะเลือดในร่างกายเรายังมีปริมาณไนโตรเจนที่มีแรงดันค้างอยู่ หากเกิดปัญหาขึ้นบนเครื่องบางอย่าง ที่อาจจะทำให้มีภาวะแรงดันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คนที่พึ่งดำน้ำมาจะอันตรายที่สุดครับ
เดินทางถึงท่าอากาศยานภูเก็ตแล้ว เช็คอินตั๋วก่อนแล้วเดินไปพักรอขึ้นเครื่องภายในเลานจ์
นั่งพักระหว่างรอขึ้นเครื่องกลับ
กินข้าวต้มมัดอีกเช่นเคย อร่อยดีนะ อิอิ
บ่ายแก่ๆ ได้เวลาขึ้นเครื่องล่ะ
หลังจากเครื่องเทคออฟแล้วก็ได้เวลาเสริฟอาหารและของว่างบนเครื่อง นางฟ้าสวยจริงๆ ^0^
เดินทางถึงกรุงเทพฯด้วยความปลอดภัย เกือบค่ำพอดี ^0^
ทริปเปิดประสบการณ์โลกใต้น้ำในครั้งนี้
ขอขอบคุณ
ครูป้อม นิวัช รุ่งเรืองกนกกุล แห่ง DiveDD ที่สนับสนุนและช่วยสอนการดำน้ำ และพาพวกเราไปเห็นความสวยงามและความน่าทึ่งของโลกใต้น้ำในครั้งนี้ด้วยครับ
หากเพื่อนๆสนใจอยากไปสัมผัสประสบการณ์ดีๆแบบนี้ สามารถติดสอบถามครูป้อม ได้ตามข้อมูลด้านล่างนี้
https://www.facebook.com/DiveDD
https://www.facebook.com/DiveddShop
Line ID : nivach
ขอขอบคุณ
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ ที่สนับสนุนการเดินทางของพวกเราในครั้งนี้ด้วยครับ
http://www.bangkokair.com/tha
และสุดท้ายขอขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามอ่านรีวิวนี้จนจบ หากผิดพลาดประการใด ทางตากล้องท่องเที่ยว ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ