Hotel Muse Bangkok-โรงแรม มิวส์ กรุงเทพฯ บูทีคระดับไฮเอนกลางเมืองหลวง
Hotel Muse Bangkok ( โฮเทล มิวส์ แบงค็อก ) ความบูทีคระดับไฮเอนใจกลางเมืองหลวง ทีเรามีโอกาสได้ไปเช็คอินมาอะเธอ คือมีความเวอร์วัง อลังการมากมาย ตามสไตล์ยุโรปคลาสสิกผสมผสานกับความงามวิจิตรสไตล์เอเชีย โดยเฉพาะความเป็นไทยย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ช่วงเวลาที่สถาปัตยกรรมและงานศิลปะของยุโรปเข้ามามีบทบาทในไทย บอกเลยว่า…ลงตัว สวยงาม เลอค่าน่าพักมากกกกก….
การเดินทาง
เราใช้บริการบีทีเอสอะเธอ นั่งจากสถานีหมอชิตไปลงที่สถานีชิตลม ออกทางออกประตู 4 จากนั้นนั่งวินต่อไป Hotel Muse Bangkok ค่าวิน 15 บาท หรือใครอยากออกกำลังกายสลายแคลลอรี่ก็เดินชิลๆได้สบายๆ แป๊บเดียวถึงจ๊ะ 500 เมตรเอง หรือขี้เกียจเดินและไม่อยากเสียตังค์ก็โทรไปให้รถตุ๊กๆของโรงแรมมารับก็ได้ บริการรับ-ส่งฟรีจ้าาาา
ล็อบบี้
พอไปถึงโรงแรม ก็จะมีดอร์แมนหล่อล่ำ สูงยาวเขาดี แต่งตัวเนียบเวอร์เปิดประตูให้ พร้อมกล่าวคำ “สวัสดีครับ” และจะช่วยถือกระเป๋า แต่เราบอกไม่ต้อง…คือมีมาใบเดียวไง ก้าวแรกที่ผ่านประตูเข้าไป กลิ่นอายความเป็นยุโรปคลาสสิกมาเต็ม แถมกลิ่นอโรมา white tea ลอยมาเตะจมูกต้อนรับทักทายให้ได้ผ่อนคลายเบาๆ หอมละมุนมาก
ซ้ายมือ ( หันหน้าเข้าโรงแรม ) จะเป็น The Salon ห้องนั่งเล่น ส่วนขวามือจะเป็นล็อบบี้ มีความเรียบง่าย สบายๆ บรรยากาศคล้ายๆโต๊ะทำงานในออฟิศทั่วไป แต่แฝงไปด้วยความหรูหราระดับพรีเมี่ยมจากเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ โดยเน้นโทนสีดาร์กๆ อย่างสีเหลืองทอง ส้ม น้ำตาลและดำ เป็นหลัก ใช้แสงไฟสีเหลืองทองสลัวๆ แลดูลึกลับแต่ก็น่าค้นหา ซึ่งจะเป็นแบบนี้ทุกพื้นที่ของของโรงแรมอะเธอ
การเช็คอินเข้าพักกับ Hotel Muse Bangkok เราจะต้องเตรียมบัตรเครดิตไปด้วย เพราะโรงแรมจะกันเงินจากบัตรเครดิตไว้ 2,000 บาท เพื่อเป็นค่ามัดจำ และจะคืนให้หลังจากที่เราเช็คเอาท์
ระหว่างเช็คอิน เวลคัมดริ้งก็จะมาเสิร์ฟอะเธอ คือดี มีตั้ง 4 แก้ว 4 รสชาติ มีแบบธรรมดาและก็ผสมดีกรีด้วย กรึ๊บเบาๆนะเธอ ระวังน็อคก่อนขึ้นห้องหละ!!
ห้องพัก
เช็คอินเรียบร้อยก็เลทสะโกมายรูม การขึ้น-ลงลิฟท์ของโรงแรมจำเป็นต้องใช้คีย์การ์ดเสมอ ไม่อย่างนั้นลิฟท์จะไม่ทำงาน ยกเว้นชั้นที่เป็นห้องอาหาร ลูปท๊อป สระว่ายน้ำและฟิตเนสอะเธอ
Hotel Muse Bangkok บริการห้องพักทั้งหมด 174 ห้อง แบ่งเป็น 6 ประเภท แต่ละห้องโดดเด่นด้วยการตกแต่งไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน ผสมผสานสไตล์ยุโรปคลาสสิกกับความงามวิจิตรสไตล์เอเชีย ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโรงแรม 5 ดาว ไม่ว่าจะเป็น บาร์ภายในห้องพัก พื้นที่สำหรับทำงาน โทรทัศน์จอแบน พร้อมรายการโทรทัศน์ 69 ช่อง อินเตอร์เน็ตแบบมีสายและไร้สาย แท่นวาง iPod และอุปกรณ์ชาการแฟชั้นเลิศ เป็นต้น
ห้องแต่ละประเภทมีชื่อเรียกชวนให้เข้าพักเป็นอย่างมาก เพราะตั้งตามลำดับชั้นของสวรรค์ เริ่มต้นที่ จตุดีลักซ์ ดาวดึงส์คอร์เนอร์ดีลักซ์ ยามาเอ็กเซกคิวทีฟ ดุสิตดูเพล็กซ์ นิมมานสวีท และพารานิมเพนท์เฮ้าส์ เป็นไงเธอ แค่ชื่อก็ว้าวแล้วจ้าา…
- จตุดีลักซ์ เราพักห้องประเภทนี้เธอ เปิดประตูเข้าไป ว้าววววว!! ดังๆ ตาค้างเลยจ้า คือหรูหรา เวอร์วังมากกกก… นี่ขนาดห้องประเภทเริ่มต้นนะ ยังหรูเบอร์นี้ เตียงนอน ห้องน้ำ โซฟานั่งเล่น โต๊ะทำงาน ตู้เสื้อผ้า ทีวี ทุกอย่างถูกจัดวางเป็นสัดส่วนสวยหรูดูคลาสสิกและบูทีคสุดๆ มีหน้าต่างห้องเป็นกระจกใสมองเห็นวิวเมืองใหญ่ได้อย่างสวยงามด้วย
มินิบาร์ซ่อนอยู่ในตู้ไม้เก๋ๆ พับเก็บได้เนียนๆ
ห้องนอนหรูแล้ว ห้องน้ำก็หรูไม่แพ้กันเธอ ตกแต่งด้วยหินอ่อนสีดำ ลวดลายเป็นสีเหลืองทอง มีอ่างอาบน้ำไซส์บิ๊กบึ้มขาสิงห์โต เลียนแบบศิลปชั้นสูงของยุโรป แยกพื้นที่ใช้สอยออกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ครบ กระจกห้องน้ำแอบเซกซี่ด้วยเธอ คือเป็นกระจกใส มองทะลุออกไปเห็นเตียงนอนไปจนถึงวิวหน้าต่างงี้…ถ้าพักกับแฟนก็จะเพิ่มความรู้สึกชวนสยิว ถ้าพักเพื่อนมันก็จะเขิลๆ อายๆ หน่อยๆ แต่เขากีมีบานเกล็ดให้เลื่อนลงปิดอะเธอ
- นิมมานสวีท เป็นห้องอีกหนึ่งประเภทที่เรามีโอกาสได้เข้าไปเก็บภาพบรรยากาศในห้องอะเธอ ห้องประเภทนี้คือกว้างมากกก ประกอบด้วยห้องย่อยอีก 4 ห้องด้วยกัน คือ ห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำ แถมมีระเบียงห้อง พร้อมโต๊ะนั่งเก๋ๆ สำหรับนั่งกินลม ชมวิวเมืองสวยๆ ในยามค่ำคืนด้วย สำหรับการตกแต่งห้องประเภทนี้ จะเป็นการตกแต่งแบบร่วมสมัยได้มาตรฐานดีเยี่ยม มีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารที่มีอุปกรณ์ครบ มีตู้เย็นสำหรับผู้เข้าพักระยะยาวด้วย
ห้องทำงาน
ห้องนั่งเล่นวิวเมือง
ระเบียงห้องวิวเมือง
ระเบียงห้องวิวเมือง
ห้องนอน
ห้องนอน
อ่างอาบน้ำพร้อมวิวเมืองและห้องนอน
ห้องน้ำ
รายละเอียดห้องพักประเภทอื่นๆ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ https://hotelmusebangkok.com/th/hotel-guest-room-types/
สระว่ายน้ำ
Hotel Muse Bangkok มีสระว่ายน้ำส่วนกลางด้วยเธอ ถึงจะไซส์มินิ แต่วิวเวอร์วังเลยทีเดียว เพราะสามารถชมตึกสูงสวยๆของมหานครได้ทั้งช่วงกลางวัน และกลางคืนแบบ 180 องศา มีเตียงชายหาดสำหรับนอนกินลมชมดาวด้วยเธอ
ห้องอาหารและบาร์ มีด้วยกัน 3 ที่ ประกอบด้วย
- เดอะสปีคอีซี รูฟท็อปบาร์ อยู่ชั้น 24 และชั้น 25 ของโรงแรมอะเธอ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17:30 น. – 01:00 น. เป็นรูฟท็อปที่รับรางวัลการันตีเป็นบาร์ที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ …วิวป่าปูนในบรรยากาศช่วงค่ำคืนที่มีแสงไฟเป็นประกายระยิบระยับ คืออลังการมากกกกก ส่วนการตกแต่งจะเป็นแบบนครนิวยอร์คยุค ค.ส. 1920 อะไรประมาณนั้นเธอ มีความหรูหราและน่าหลงไหลไปพร้อมๆกัน รัก ชอบ แต่ไม่อาจจะบอกใครดังๆได้ ต้องใช้โค๊ดลับ “SPEAK EASY” งี้
ชั้น 24 เราจะสามารถชมวิวได้ 180 องศา ส่วนชั้น 25 ดาดฟ้าวิวจะเวอร์วังดาวล้านดวงกว่า แถมมีโต๊ะนั่งเยอะกว่าด้วย ลูกค้าส่วนใหญ่จะไปชิลกันที่นี่ เพราะฉนั้น ถ้าสนใจอยากไปนั่ง แนะนำให้สำรองโต๊ะล่วงหน้าก็ดี จะได้ไม่แห้วอะเธอ
ประเดิมราตรีอันศิวิไลนี้ด้วย Citrus Colin แก้วนี้ดื่มง่ายเธอ เหมาะกับสาวๆ ดีกรีน้อย รสชาติอร่อยกลิ่นส้มหอมๆ ละมุนลิ้น แก้วเดียวพอ เดี๋ยวถ่ายรูปต่อไม่ไหว
- เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์บาร์ อยู่ชั้นล่างสุดของโรงแรมอะเธอ เป็นห้องอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนอะเธอ เน้นเมนูอาหารอิตาเลี่ยนสไตล์โมเดิร์น คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีนำเข้ามาปรุงอย่างพิถีพิถัน และแฝงกลิ่นอายความเป็นเมดิเตอร์เรเนียนเข้าไปได้อย่างลงตัว ท่ามกลางบรรกยาศที่ผสมผสานความเป็นยุโรปและวัฒนธรรมไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ตกแต่งด้วยกำแพงอิฐ เหล็กดัด ถังไม้ เหล็กบาร์บิคิว และตะเกียงบุผ้าไหม พร้อมห้องส่วนตัวให้เลือกใช้บริการ
เราได้ฝากท้องมื้อเย็นกับที่นี่เธอ โดยได้ลองชิมเมนูคอร์สเด็ดของ “เชฟ บาร์ธ ไซวินสกี้” เชฟมือโปร มากประสบการณ์ประจำห้องอาหารเมดิชี่ คิทเช่น แอนด์บาร์ คือเชฟมีความน่ารักมาก นอกจากจะใส่ใจเรื่องอาหารแล้วยังใส่ใจความรู้สึกและความต้องการของลูกค้าอีกด้วย
ลำดับของการเสิร์ฟจะเริ่มจากเมนูเบาๆ เรียกน้ำย่อยก่อนอะเธอ จากนั้นจะค่อยหนักขึ้น หนักขึ้น และปิดท้ายด้วยของหวาน ประมาณนี้
Pumpkin soup น้ำซุปจะได้กลิ่นฟักทองหอมๆ ละมุนๆ
สลัด Ahi tuna tartare
Roasted wild snapper
เมนคอร์ส A4 wagyu slow cooked short rib
ของหวาน Chilled berry soup
ซ้ายมือ Ginlet กลิ่นสตอเบอรี่ ดีกรีน้อย นุ่มๆ หวานๆ เหมาะกับสาวๆ ส่วนขวามือ Kaffir Negroni กลิ่นส้ม หนักดีกรีแรงมากกก กรึ๊บทีแทบน็อคแต่เราชอบงี้
จากที่เคยกินอาหารอิตาเลี่ยนมา ส่วนมากจะเน้นชีสเยิ้มๆ พอกินก็จะเลี่ยนๆงี้ แต่ที่นีชีสน้อยมาก บางเมนูแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือไม่เลี่ยน อร่อย กินหมดเกลี้ยงทุกจานจ้าาา… โดยเฉพาะเมนูของหวาน Chilled berry soup เมนูนี้ชอบมาก หอม นุ่ม ละมุนลิ้น อยากจะขอเพิ่มงี้ 55555+++
- บาร์เบต เดอะ สเต็กเฮ้าส์ แบงค็อก อยู่ชั้น 19 ของโรงแรมอะเธอ ชั้นเดียวกับฟิตเนสและสระว่ายน้ำส่วนกลาง เป็นห้องอาหารสไตล์ชิคาโก มีหน้าต่างเป็นกระจกใส ได้วิวมหานครกรุงเทพฯ มื้อเช้าจะเป็นเมนูบุฟเฟ่ต์นานาชาติ มีเมนูให้เลือกทานหลากหลาย อิตาเลี่ยน ไทย จีน ฝรั่งเศษ ครบจ้าาาา เราชอบเมนูผลไม้มาก เนื้อดี เกรดพรีเมี่ยมทั้งนั้น ส่วนมื้อเที่ยงและเมื้อเย็นจะเป็น steakhouse ขายสเต๊กเป็นหลัก
ภาพรวมก็จะประมาณนี้เธอ ที่ไปโดนมา ชอบและหลงรักที่นี่มากกกกก…ที่สุดและเป็นนัมเบอร์วันของ “ตากล้อง ท่องเที่ยว” เลยหละ!! เช็คเอาท์เดินออกจากโรงแรมมา หันหลังแล้ว หันหลังเล่า มีความเสียดายอยากอยู่ต่ออีกสักคืน งี้… เอาจริงๆคือเหมือนฝันอะเธอ เดินหลุดลอยเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์อันเฟคที่เลอค่า มีความหลงไหล อยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น แต่ก็ต้องตืนลืมตาเจอกับตำนานคลองรังสิตอะไรแบบนี้ 55555++
ไปจ๊ะ…ครั้งหนึ่งในชีวิต ลองไปเปิดโลกทัศน์ดู ไม่เสียหายเธอ
รายละเอียดเพิ่มเติม
- โทร. 02-630-4000
- แฟนเพจ : Hotel Muse, Bangkok
- เว็บไซต์ : www.hotelmusebangkok.com
- สำรองโต๊ะห้องอาหารเมดิชี่ ราคาพิเศษลดสูงสุด 50% ได้ที่ลิงก์นี้ >> https://bit.ly/2S7dvNE
- สำรองห้องพักได้ที่ลิงก์นี้ >> https://bit.ly/2R2unoF
- พิกัด : 55/555 ถนนหลังสวน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร https://goo.gl/maps/E9UogHeYMfD2
ขอบคุณที่ติดตามอะเธอ
เจอกันทริปหน้าจ้าาาาา….
“ตากล้อง ท่องเที่ยว”
Facebook page : https://www.facebook.com/TaklongTongteaw/
IG : https://www.instagram.com/taklongtongteaw/